วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ครั้งที่16 วันที่ 25 เมษายน 2561 เวลา 08.30-11.30 น.

นำเสนอคำคม


1.นางสาวนรากุล ธรรมชาติ
ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ

2. นางสาวพรประเสริฐ กลับผดุง
ในภาพอาจจะมี ข้อความ


4. นางสาวธารารัตน์ โพธิ์ประสาท
ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังยิ้ม, ข้อความ


นำเสนอโครงการจัดตั้งโรงเรียน

กลุ่มที่1 โรงเรียนอนุบาลจันทร์เจ้า


กลุ่มที่2 โรงเรียน อนุบาลพอเพียง




กลุ่มที่3 โรงเรียนชื่นชมนภา



 

หลังจากนำเสนอจบ อาจารย์ได้บอกแนวข้องสอบและปิดคอสเรียน

ประเมินตนเอง ตั้งใจสร้างโมเดลและนำเสนอ
ประเมินเพื่อน ตั้งใจนำเสนอทุกกลุ่ม แต่ละกลุ่มสร้างดมเดลดรงเรียนสวยงาม
ประเมินอาจารย์ อ.มีข้อเสนอแนะทำให้เข้าใจง่ายค่ะ

ครั้งที่15 วันที่18 เมษายน 2561 เวลา08.30-11.30 น.

นำเสนอคำคม

1.นางสาว สุรีย์พร สมจิตร


นางสาวธิดารัตน์ สวัยษร

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ


ประเมินตนเอง ตั้งใจฟังบ้างบางครั้ง
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจฟังดีค่ะ
ประเมินอาจารย์ อ.อธิบายเพิ่มทำให้เข้าใจง่าย 



ครั้งที่14 วันที่11 เมษายน 2561 เวลา08.30-11.30 น.

หยุด เทศกาล สงกรานต์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วันสงกรานต์

ครั้งที่13 วันที่4 เมษายน 2561 เวลา 08.30-11.30น.

นำเสนอคำคม
1.นางสาวพิชญากาจน์ นิธิสหกุล

2.นางสาวชลนิชา สิงห์คู่

3.นางสาวพัชา สังข์ทอง
ในภาพอาจจะมี ข้อความ


เนื้อหาที่เรียน

กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร

ความหมาย


จุดมุ่งหมาย


เนื้อหาสาระในการนิเทศ



บทบาทของผู้บริหารในการนิเทศ
กระบวนกัลยาณมิตร เป็นการปฏิบัติจริงในสภาพที่เป็นจริง ผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศต้องมีการปรึกษาหารือ ติดต่อสื่อสาร เยี่ยมเยียน แลกเปลี่ยน เรียนรู้ ช่วยแก้ปัญหาและให้กำลังใจกัน
 ถ้าจะเปรียบผู้นิเทศก็เป็นเหมือนครูฝึก ( coach ) ของผู้สอน ที่จะต้องโดดลงไปร่วมคิดร่วมทำ มิใช่เพียงร้องบอกให้ผู้สอนลองผิด ลองถูก ตาม ยถากรรม อาจต้องบอกวิธีให้รู้ สาธิตให้ดุ และช่วยแก้ไขข้อบกพร่องที่พบ

  การพบปะสนทนาเมื่อเวลานิเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู ศึกษานิเทศก์ กรรมการศึกษา ชุมชนรอบๆสถานศึกษา จะได้ทราบทุกข์ สุข และก่อให้ เกิดความเข้าใจในปัญหาพื้นฐาน เพื่อกำหนดจุดมุ่งหมายในการทำงานต่อไป
แนวทางการนิเทศ
1. สร้างความสัมพันธ์ แจ้งภารกิจและความมุ่งหมาย จัดเวลา กำหนดวิธีการทำงาน    
2. จัดนิทรรศการทางวิชาการและสาธิตรูปแบบการสอน     
3. แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จัดบริการเอกสารทางวิชาการ     
4. วางแผนร่วมกัน เพื่อศึกษาดูงาน     
5. แนะให้ปฏิบัติตามสภาพจริง   
6. พบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผลการปฏิบัติ และหาทางแก้ไขปรับปรุง    
7. เข้าร่วมประชุม สัมมนา การฝึกอบรมตามโอกาส     
8. นำเสนอผลงานในการประชุมปฏิบัติการ     
9. วัดและประเมินผลงานกัลยาณมิตรนิทศ 
สรุปประเด็นสำคัญ
หลักการสำคัญ พึงตระหนักว่าการนิเทศนั้นมิใช่การสั่งการ ตรวจสอบ บังคับบัญชา มิใช่การนิเทศกระดาษ แต่เป็นการนิเทศคน กระดาษ เป็นแผนการสอน คะแนนผลสัมฤทธิ์ หรือโครงการ เป็นองค์ประกอบที่แสดงร่องรอยการเรียนรู้ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุด      ผู้นิเทศต้องนิเทศคน พูดคุยกับครู ดูพฤติกรรมของนักเรียน สังเกตบรรยากาศและความสัมพันธ์ในสังคมเรียนรู้นั้นเพื่อเข้าถึงสถานภาพและปัญหา นำไปสู่แนวทางการนิเทศที่ถูกต้อง 

ประยุกต์ เป็นแนวทางในการการสอนในอนาคต

ประเมินตนเอง ตั้งใจเรียนแต่อาจเล่นโทรศัพท์บ้างบางครั้ง
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจฟังเป้นอย่างดีค่ะ
ประเมินตนเอง อาจารยืมีบุคลิกภาพที่ดีขระที่สอนจะคอยทรอดแทรกสิ่งต่างๆค่ะ


ครั้งที่12 วันที่29 มีนาคม 2561 เวลา8.30-11.30 น.

ไปศึกษาดูงานที่ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน พิทักษา
673 ซอย อิสรภาพ 51 ถนน จรัญสนิทวงศ์ แขวง บ้านช่างหล่อ เขต บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 10700
การเดินทา
1.รวมตัวกันที่ใต้คณะวิทย์เวลา 06.30น.
2.ออกเดินทางด้วยรถเมลืสาย 179 ไปลงพระราม7
3.นั่งเรื่อจากพระราม7ไป ยังท่ารถไฟ(โรงพยาบาลศิริราช)
4.เหมารถแดงไปยลงหน้าปากซอยวัดใหม่ยายมอญ
5.เดินเข้าไปในซอยแล้วจะเจอ ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน พิทักษา

ระหว่างรอขึ้นเรือ


ถึงแล้ว

กิจกรรมที่ทำ
1.ร่วมเข้าแถวและทำกิจกรรมกับเด็ก



2.เข้าห้องประชุมเพื่อฟังการบรรยาย



หัวข้อที่บรรยายมีดังนี้
1.ประวัติศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา
สำนักงานอนามัยกรุงเทพมหานครได้จัดการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำชุมชนวัดอมรทายิการามขึ้น หลังจากนั้นกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขได้สำรวจปัญหาในชุมชนพบว่า
มีปัญหา 2 ประการ คือ ปัญหายาเสพติด และปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเด็ก  กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขจึงตัดสินใจเลือกแก้ปัญหาสุขภาพเด็ก
โดยจัดตั้ง “ศูนย์รับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา” โดยขอความอนุเคราะห์เรื่องสถานที่จาก
ท่านพระครูวิบูลธรรมภาณ เจ้าอาวาสวัดอมรทายิการาม  เริ่มแรกท่านให้ใช้กุฏิเก่าของท่าน
ต่อมากุฏิเก่าเริ่มชำรุดทรุดโทรมไม่สามารถซ่อมแซมได้ ท่านเจ้าอาวาสจึงอนุญาตให้สร้างอาคารหลังใหม่ เป็นอาคารชั้นเดียวโดยมีคณะสงฆ์ ครูและผู้ปกครองร่วมกันก่อสร้าง ได้รับการสนับสนุนทุนสร้าง
จากสำนักงานเขตบางกอกน้อย ผู้ปกครองนักเรียน คณะครู และได้เปลี่ยนชื่อเป็น
“ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา” เปิดเป็นทางการเมื่อวันที่  11 ตุลาคม  พ.ศ. 2527
ในปี พ.ศ.2530 ได้เปิดอย่างเป็นทางการ สภาสตรีแห่งชาติและสภาสังคมสงเคราะห์ได้
ส่งอาสาสมัครเข้ารับการอบรมเสริมทักษะด้านการเลี้ยงดูเด็ก และอาหารเสริม  ต่อมา ได้เข้าสังกัด กองสังคมสงเคราะห์ กรุงเทพมหานคร ได้รับค่าตอบแทนวันละ 40 บาท อาสาสมัครจำนวน 4 คน ในปี พ.ศ.2536 กองพัฒนาชุมชนได้รับช่วงต่อมา  ให้การสนับสนุนโดยขึ้นค่าตอบแทน  80บาทต่อวัน  ทำงานและส่งเสริมพัฒนาอาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก ในเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เด็กแรกเริ่มอาสาสมัครผู้ดูแลเด็กมีวุฒิการศึกษา ปวช., ม.6, ม.3 เข้ามาทำงานด้วยใจรักเด็ก ไม่หวังค่าตอบแทน  ต่อมาได้ศึกษาต่อด้วยทุนตนเอง จนจบอนุปริญญา และปริญญาตรี
เป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาตนเองและนำความรู้ใหม่ ๆ มาสอนเด็ก ส่วนพวกไม่มีทุนเรียนจะได้รับการอบรมในองค์กรต่างๆ  จากนั้นสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร ได้สนับสนุนค่าตอบแทน เพิ่มเป็น 5,640 บาทและทำประกันสังคมให้ ปัจจุบันมีนักเรียนอายุ  2 – 6 ปี  จำนวน 400-500 คน มีอาสาสมัครดูแลเด็กจำนวน  35 คน ได้สร้างอาคารเรียนเพิ่มเป็นอาคารเรียนเป็น 3 ชั้น  และใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2546  จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้มีพัฒนาการครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนการสอน ด้านสภาพแวดล้อมให้เจริญตามลำดับมีอาสาสมัครชาวต่างชาติจาก หน่วยงาน Cross-Cultural Solutions (CCS) องค์กรอาสาสมัครนานาชาติ จดทะเบียนที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จัดส่งอาสาสมัครชาวต่างชาติมาช่วยสอนภาษาอังกฤษ ทำให้ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษาเป็นที่รู้จักและทำให้เป็นที่ยอมรับของผู้ปกครอง
2.การจัดการเรีียนการสอน
   ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา มีความมุ่งมั่นปลูกฝังความเป็นผู้นำที่มีจริยธรรมอันดีงาม  พัฒนาความพร้อมในด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคมและสติปัญญาของเด็กให้เหมาะสมตามวัย  ฝึกให้เด็กสามารถคิด วิเคราะห์แก้ปัญหา และกล้ายอมรับผิดได้อย่างเหมาะสมตามวัย โดยผ่านบทบาทสมมุติ อีกทั้งอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เด็กได้ลงมือทำด้วยตนเองมีครูเป็นผู้คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำ โดยแบ่งนักเรียนเป็น ระดับชั้น ดังนี้
ระดับเตรียมพร้อมนักเรียนสามารถช่วยเหลือตนเองเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน สามารถสื่อความหมายสั้นๆ ง่ายๆ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข

ระดับอนุบาล 1
พัฒนาความพร้อมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญาตามวัย พัฒนาความพร้อมของกล้ามเนื้อเล็กและกล้ามเนื้อใหญ่ประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา สร้างระเบียบวินัยการอยู่ร่วมกันในสังคม การช่วยเหลือตนเอง

ระดับอนุบาล 2
เสริมสร้างระเบียบวินัยการอยู่ร่วมกันในสังคม กิริยามารยาทที่ดีงาม การช่วยเหลือตนเอง และเตรียมความพร้อมด้านวิชาการ

ระดับอนุบาล 3
ปลูกฝังความเป็นผู้นำที่มีจริยธรรมอันดีงาม ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิชาการเพื่อพร้อมเข้าเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

3.แจกของที่ระลึกและร่วมกันถ่ายภาพ

4.เดินชมบรรยายการโดยรอบ ได้แก่ห้องต่างๆ และกิจกรรมการเรียนการสอน เป็นต้น
ห้องสมุด

สื่อการสอนต่างๆ


5.เดินทากลับ


ครั้งที่11 วันที่ 28 มีนาคม 2561 เวลา 08.30-11.30 น.

นำเสนอคำคม

1.นางสาวไพจิตร ฉันทเกษมคุณ
ในภาพอาจจะมี ข้อความ

2.นางสาวภาวิดา บุญช่วย

3.นางสาวเกตุวรินทร์ นามวา

นำเสนอโรงเรียนที่ไปสัมภาษณ์ผู้บริหาร
ตามหัวข้อดังนี้
1.ปรัชญา วิสัยทัศน์ การจัดการเรียนการสอน
2.การจัดโรงสร้างและการบริหาร
3.ทฤษฎีที่นำมาใช้ในการบริหารสถานศึกษา
4.การนิเทศและการติดตามผลการทำงานของครูและบุคลากร
5.การทำงานร่วมกับชุมชนและท้องถิ่น

กลุ่มที่1 โรงเรียนอนุบาลเฉลิมขวัย

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ



กลุ่มที่2 โรงเรียพร้อมมิตรพิทยา

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พร้อมมิตรพิทยา



กลุ่มที่3โรงเรียนสันติสุขวิทยา

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


ปรัชญาของโรงเรียน : ความอบอุ่นใจเป็นรากฐานของชีวิตที่พัฒนา

ประเมินตนเอง ตั้งใจฟังเพื่อนนำเสนอค่ะและตั้งใจนำเสนอค่ะ
ประเมินเพื่อน เพื่อนแต่ละกลุ่มตั้งใจนำเสนอดีค่ะ
ประเมินอาจารย์ อาจารย์ตั้งใจฟังและมีข้อเสนอแนะค่ะ

ครั้งที่10 วันที่ 21มีนาคม 2561 เวลา 08.30-11.30 น.

เสนอคำคม


นางสาว วนิดา สาเมาะ

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ

2.นางสาวปรียานุช ปานกลาง
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังนั่ง และ ข้อความ

3.นางสาวบงกต เบ่งหาทรัพย์


เนื้อหาที่เรียน

เทคนิคการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีสำหรับการเป็นผู้บริหาร



ประเภทของบุคลิกภาพ
บุคลิกภาพภายนอก  คือ  สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนจากภายนอกของ
แต่ละคนสามารถที่จะปรับปรุงแก้ไขได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน แบ่งได้เป็น  4 หมวด คือ            
1.  รูปร่างหน้าตา
2.  การแต่งกาย            
3.  กิริยาท่าทาง            
4.  การพูด
บุคลิกภาพภายใน  คือ สิ่งที่อยู่ภายในจิตใจ หรืออุปนิสัยใจคอที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้  แก้ไขได้ยาก  เช่น  
1. ความเชื่อมั่นในตนเอง
2. ความกระตือรือร้น
3. ความรอบรู้
4. ความคิดริเริ่ม
5. ความจริงใจ
6. ไหวพริบปฏิภาณ
7. ความรับผิดชอบ
8. ความจำ
9. อารมณ์ขัน
สาเหตุที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพ คือความท้อถอย
บุคลิกภาพที่ไม่สร้างสรรค์และอยู่ภายในตัวตนแล้วทำให้ความเป็นคนๆ นั้นไม่สมบูรณ์ ได้แก่ความท้อถอยแม้ว่าเป็นประโยคสั้นๆ แต่ถ้าอาการนี้ถ้าเกิดขึ้นกับใครแล้ว อาการนี้จะเข้ามาทำลายความสมดุลในตัวเรา เข้ามาแทรกในความรู้สึกนึกคิดทำให้พลังและศักยภาพของเราลดน้อยลงกว่าครึ่ง ในเรื่องความท้อถอยมักเกิดขึ้นกับบุคคลที่อยู่ในช่วงอายุ 20-40 ปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลในช่วงอายุอื่นจะไม่มีความท้อ บางท่านอาจเกิดอาการท้อเป็นช่วงๆ บางท่านโชคดีไม่รู้จักความท้อ 
แนวทางและวิธีการในการแก้ไขอาการท้อถอย
1. ทุกสิ่งทุกอย่างต้องแก้ไขที่ตัวเราเองเท่านั้น 
2. อย่าเป็นคนตั้งความหวัง ความปรารถนาที่สูงสุดเอื้อม 
3. สร้างเจคติเรื่องงานใหม่ให้ท่านคิดว่า    
“งานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุขทำงานให้สนุกเป็นสุขเมื่อทำงาน”
4. มองหาจุดมุ่งหมายในชีวิตใหม่ 

หลักและวิธีเสริมสร้างบุคลิกภาพ
การยืน เดิน นั่งเป็นส่วนสำคัญที่บอกถึงบุคลิกภาพของแต่ละบุคคลอิริยาบถคือการเดิน ยืน นั่ง เปิด-ปิดประตู ขึ้นลงรถ อย่างถูกต้องสวยงาม  การรู้จักทำตัวให้เข้ากับบุคคล สถานที่ และเวลา อย่างถูกต้องถือว่ามีมารยาททางสังคมที่ดี เช่น การรู้จักกราบไหว้ที่ถูกวิธี และถูกกาลเทศะ การรู้จักธรรมเนียมของชาวต่างชาติ การปฏิบัติตนในงานเลี้ยงต่างๆการไปเยี่ยมคนป่วยการมอบดอกไม้แสดงความยินดีหรือให้ผู้อาวุโส เป็นต้น  บางครั้งเราอาจจะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ และอาจเกิดอะไรขึ้นกับเราได้ทุกวินาทีนั้น เราต้องพร้อมเสมอที่จะเผชิญกับเหตุการณ์ในลักษณะที่พร้อม คือไม่ตกใจ ดีใจ เสียใจ กลัว เกินกว่าเหตุ สามารถควบคุมท่าทางของตนเองได้เป็นอย่างดี

ประยุกต์ เพื่อเป็นแนวทางในการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีในอนาคต

ประเมินตนเอง ตั้งใจเรียนค่ะ
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจเรียนและตั้งใจนำเสนอคำคมค่ะ
ประมินอาจารย์ อ.มีบุคลิกภาพในการสอนที่ดีค่ะ