วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ครั้งที่16 วันที่ 25 เมษายน 2561 เวลา 08.30-11.30 น.

นำเสนอคำคม


1.นางสาวนรากุล ธรรมชาติ
ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ

2. นางสาวพรประเสริฐ กลับผดุง
ในภาพอาจจะมี ข้อความ


4. นางสาวธารารัตน์ โพธิ์ประสาท
ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังยิ้ม, ข้อความ


นำเสนอโครงการจัดตั้งโรงเรียน

กลุ่มที่1 โรงเรียนอนุบาลจันทร์เจ้า


กลุ่มที่2 โรงเรียน อนุบาลพอเพียง




กลุ่มที่3 โรงเรียนชื่นชมนภา



 

หลังจากนำเสนอจบ อาจารย์ได้บอกแนวข้องสอบและปิดคอสเรียน

ประเมินตนเอง ตั้งใจสร้างโมเดลและนำเสนอ
ประเมินเพื่อน ตั้งใจนำเสนอทุกกลุ่ม แต่ละกลุ่มสร้างดมเดลดรงเรียนสวยงาม
ประเมินอาจารย์ อ.มีข้อเสนอแนะทำให้เข้าใจง่ายค่ะ

ครั้งที่15 วันที่18 เมษายน 2561 เวลา08.30-11.30 น.

นำเสนอคำคม

1.นางสาว สุรีย์พร สมจิตร


นางสาวธิดารัตน์ สวัยษร

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ


ประเมินตนเอง ตั้งใจฟังบ้างบางครั้ง
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจฟังดีค่ะ
ประเมินอาจารย์ อ.อธิบายเพิ่มทำให้เข้าใจง่าย 



ครั้งที่14 วันที่11 เมษายน 2561 เวลา08.30-11.30 น.

หยุด เทศกาล สงกรานต์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วันสงกรานต์

ครั้งที่13 วันที่4 เมษายน 2561 เวลา 08.30-11.30น.

นำเสนอคำคม
1.นางสาวพิชญากาจน์ นิธิสหกุล

2.นางสาวชลนิชา สิงห์คู่

3.นางสาวพัชา สังข์ทอง
ในภาพอาจจะมี ข้อความ


เนื้อหาที่เรียน

กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร

ความหมาย


จุดมุ่งหมาย


เนื้อหาสาระในการนิเทศ



บทบาทของผู้บริหารในการนิเทศ
กระบวนกัลยาณมิตร เป็นการปฏิบัติจริงในสภาพที่เป็นจริง ผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศต้องมีการปรึกษาหารือ ติดต่อสื่อสาร เยี่ยมเยียน แลกเปลี่ยน เรียนรู้ ช่วยแก้ปัญหาและให้กำลังใจกัน
 ถ้าจะเปรียบผู้นิเทศก็เป็นเหมือนครูฝึก ( coach ) ของผู้สอน ที่จะต้องโดดลงไปร่วมคิดร่วมทำ มิใช่เพียงร้องบอกให้ผู้สอนลองผิด ลองถูก ตาม ยถากรรม อาจต้องบอกวิธีให้รู้ สาธิตให้ดุ และช่วยแก้ไขข้อบกพร่องที่พบ

  การพบปะสนทนาเมื่อเวลานิเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู ศึกษานิเทศก์ กรรมการศึกษา ชุมชนรอบๆสถานศึกษา จะได้ทราบทุกข์ สุข และก่อให้ เกิดความเข้าใจในปัญหาพื้นฐาน เพื่อกำหนดจุดมุ่งหมายในการทำงานต่อไป
แนวทางการนิเทศ
1. สร้างความสัมพันธ์ แจ้งภารกิจและความมุ่งหมาย จัดเวลา กำหนดวิธีการทำงาน    
2. จัดนิทรรศการทางวิชาการและสาธิตรูปแบบการสอน     
3. แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จัดบริการเอกสารทางวิชาการ     
4. วางแผนร่วมกัน เพื่อศึกษาดูงาน     
5. แนะให้ปฏิบัติตามสภาพจริง   
6. พบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผลการปฏิบัติ และหาทางแก้ไขปรับปรุง    
7. เข้าร่วมประชุม สัมมนา การฝึกอบรมตามโอกาส     
8. นำเสนอผลงานในการประชุมปฏิบัติการ     
9. วัดและประเมินผลงานกัลยาณมิตรนิทศ 
สรุปประเด็นสำคัญ
หลักการสำคัญ พึงตระหนักว่าการนิเทศนั้นมิใช่การสั่งการ ตรวจสอบ บังคับบัญชา มิใช่การนิเทศกระดาษ แต่เป็นการนิเทศคน กระดาษ เป็นแผนการสอน คะแนนผลสัมฤทธิ์ หรือโครงการ เป็นองค์ประกอบที่แสดงร่องรอยการเรียนรู้ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุด      ผู้นิเทศต้องนิเทศคน พูดคุยกับครู ดูพฤติกรรมของนักเรียน สังเกตบรรยากาศและความสัมพันธ์ในสังคมเรียนรู้นั้นเพื่อเข้าถึงสถานภาพและปัญหา นำไปสู่แนวทางการนิเทศที่ถูกต้อง 

ประยุกต์ เป็นแนวทางในการการสอนในอนาคต

ประเมินตนเอง ตั้งใจเรียนแต่อาจเล่นโทรศัพท์บ้างบางครั้ง
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจฟังเป้นอย่างดีค่ะ
ประเมินตนเอง อาจารยืมีบุคลิกภาพที่ดีขระที่สอนจะคอยทรอดแทรกสิ่งต่างๆค่ะ


ครั้งที่12 วันที่29 มีนาคม 2561 เวลา8.30-11.30 น.

ไปศึกษาดูงานที่ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน พิทักษา
673 ซอย อิสรภาพ 51 ถนน จรัญสนิทวงศ์ แขวง บ้านช่างหล่อ เขต บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 10700
การเดินทา
1.รวมตัวกันที่ใต้คณะวิทย์เวลา 06.30น.
2.ออกเดินทางด้วยรถเมลืสาย 179 ไปลงพระราม7
3.นั่งเรื่อจากพระราม7ไป ยังท่ารถไฟ(โรงพยาบาลศิริราช)
4.เหมารถแดงไปยลงหน้าปากซอยวัดใหม่ยายมอญ
5.เดินเข้าไปในซอยแล้วจะเจอ ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน พิทักษา

ระหว่างรอขึ้นเรือ


ถึงแล้ว

กิจกรรมที่ทำ
1.ร่วมเข้าแถวและทำกิจกรรมกับเด็ก



2.เข้าห้องประชุมเพื่อฟังการบรรยาย



หัวข้อที่บรรยายมีดังนี้
1.ประวัติศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา
สำนักงานอนามัยกรุงเทพมหานครได้จัดการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำชุมชนวัดอมรทายิการามขึ้น หลังจากนั้นกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขได้สำรวจปัญหาในชุมชนพบว่า
มีปัญหา 2 ประการ คือ ปัญหายาเสพติด และปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเด็ก  กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขจึงตัดสินใจเลือกแก้ปัญหาสุขภาพเด็ก
โดยจัดตั้ง “ศูนย์รับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา” โดยขอความอนุเคราะห์เรื่องสถานที่จาก
ท่านพระครูวิบูลธรรมภาณ เจ้าอาวาสวัดอมรทายิการาม  เริ่มแรกท่านให้ใช้กุฏิเก่าของท่าน
ต่อมากุฏิเก่าเริ่มชำรุดทรุดโทรมไม่สามารถซ่อมแซมได้ ท่านเจ้าอาวาสจึงอนุญาตให้สร้างอาคารหลังใหม่ เป็นอาคารชั้นเดียวโดยมีคณะสงฆ์ ครูและผู้ปกครองร่วมกันก่อสร้าง ได้รับการสนับสนุนทุนสร้าง
จากสำนักงานเขตบางกอกน้อย ผู้ปกครองนักเรียน คณะครู และได้เปลี่ยนชื่อเป็น
“ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา” เปิดเป็นทางการเมื่อวันที่  11 ตุลาคม  พ.ศ. 2527
ในปี พ.ศ.2530 ได้เปิดอย่างเป็นทางการ สภาสตรีแห่งชาติและสภาสังคมสงเคราะห์ได้
ส่งอาสาสมัครเข้ารับการอบรมเสริมทักษะด้านการเลี้ยงดูเด็ก และอาหารเสริม  ต่อมา ได้เข้าสังกัด กองสังคมสงเคราะห์ กรุงเทพมหานคร ได้รับค่าตอบแทนวันละ 40 บาท อาสาสมัครจำนวน 4 คน ในปี พ.ศ.2536 กองพัฒนาชุมชนได้รับช่วงต่อมา  ให้การสนับสนุนโดยขึ้นค่าตอบแทน  80บาทต่อวัน  ทำงานและส่งเสริมพัฒนาอาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก ในเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เด็กแรกเริ่มอาสาสมัครผู้ดูแลเด็กมีวุฒิการศึกษา ปวช., ม.6, ม.3 เข้ามาทำงานด้วยใจรักเด็ก ไม่หวังค่าตอบแทน  ต่อมาได้ศึกษาต่อด้วยทุนตนเอง จนจบอนุปริญญา และปริญญาตรี
เป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาตนเองและนำความรู้ใหม่ ๆ มาสอนเด็ก ส่วนพวกไม่มีทุนเรียนจะได้รับการอบรมในองค์กรต่างๆ  จากนั้นสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร ได้สนับสนุนค่าตอบแทน เพิ่มเป็น 5,640 บาทและทำประกันสังคมให้ ปัจจุบันมีนักเรียนอายุ  2 – 6 ปี  จำนวน 400-500 คน มีอาสาสมัครดูแลเด็กจำนวน  35 คน ได้สร้างอาคารเรียนเพิ่มเป็นอาคารเรียนเป็น 3 ชั้น  และใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2546  จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้มีพัฒนาการครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนการสอน ด้านสภาพแวดล้อมให้เจริญตามลำดับมีอาสาสมัครชาวต่างชาติจาก หน่วยงาน Cross-Cultural Solutions (CCS) องค์กรอาสาสมัครนานาชาติ จดทะเบียนที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จัดส่งอาสาสมัครชาวต่างชาติมาช่วยสอนภาษาอังกฤษ ทำให้ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษาเป็นที่รู้จักและทำให้เป็นที่ยอมรับของผู้ปกครอง
2.การจัดการเรีียนการสอน
   ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา มีความมุ่งมั่นปลูกฝังความเป็นผู้นำที่มีจริยธรรมอันดีงาม  พัฒนาความพร้อมในด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคมและสติปัญญาของเด็กให้เหมาะสมตามวัย  ฝึกให้เด็กสามารถคิด วิเคราะห์แก้ปัญหา และกล้ายอมรับผิดได้อย่างเหมาะสมตามวัย โดยผ่านบทบาทสมมุติ อีกทั้งอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เด็กได้ลงมือทำด้วยตนเองมีครูเป็นผู้คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำ โดยแบ่งนักเรียนเป็น ระดับชั้น ดังนี้
ระดับเตรียมพร้อมนักเรียนสามารถช่วยเหลือตนเองเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน สามารถสื่อความหมายสั้นๆ ง่ายๆ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข

ระดับอนุบาล 1
พัฒนาความพร้อมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญาตามวัย พัฒนาความพร้อมของกล้ามเนื้อเล็กและกล้ามเนื้อใหญ่ประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา สร้างระเบียบวินัยการอยู่ร่วมกันในสังคม การช่วยเหลือตนเอง

ระดับอนุบาล 2
เสริมสร้างระเบียบวินัยการอยู่ร่วมกันในสังคม กิริยามารยาทที่ดีงาม การช่วยเหลือตนเอง และเตรียมความพร้อมด้านวิชาการ

ระดับอนุบาล 3
ปลูกฝังความเป็นผู้นำที่มีจริยธรรมอันดีงาม ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิชาการเพื่อพร้อมเข้าเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

3.แจกของที่ระลึกและร่วมกันถ่ายภาพ

4.เดินชมบรรยายการโดยรอบ ได้แก่ห้องต่างๆ และกิจกรรมการเรียนการสอน เป็นต้น
ห้องสมุด

สื่อการสอนต่างๆ


5.เดินทากลับ


ครั้งที่11 วันที่ 28 มีนาคม 2561 เวลา 08.30-11.30 น.

นำเสนอคำคม

1.นางสาวไพจิตร ฉันทเกษมคุณ
ในภาพอาจจะมี ข้อความ

2.นางสาวภาวิดา บุญช่วย

3.นางสาวเกตุวรินทร์ นามวา

นำเสนอโรงเรียนที่ไปสัมภาษณ์ผู้บริหาร
ตามหัวข้อดังนี้
1.ปรัชญา วิสัยทัศน์ การจัดการเรียนการสอน
2.การจัดโรงสร้างและการบริหาร
3.ทฤษฎีที่นำมาใช้ในการบริหารสถานศึกษา
4.การนิเทศและการติดตามผลการทำงานของครูและบุคลากร
5.การทำงานร่วมกับชุมชนและท้องถิ่น

กลุ่มที่1 โรงเรียนอนุบาลเฉลิมขวัย

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ



กลุ่มที่2 โรงเรียพร้อมมิตรพิทยา

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พร้อมมิตรพิทยา



กลุ่มที่3โรงเรียนสันติสุขวิทยา

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


ปรัชญาของโรงเรียน : ความอบอุ่นใจเป็นรากฐานของชีวิตที่พัฒนา

ประเมินตนเอง ตั้งใจฟังเพื่อนนำเสนอค่ะและตั้งใจนำเสนอค่ะ
ประเมินเพื่อน เพื่อนแต่ละกลุ่มตั้งใจนำเสนอดีค่ะ
ประเมินอาจารย์ อาจารย์ตั้งใจฟังและมีข้อเสนอแนะค่ะ

ครั้งที่10 วันที่ 21มีนาคม 2561 เวลา 08.30-11.30 น.

เสนอคำคม


นางสาว วนิดา สาเมาะ

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ

2.นางสาวปรียานุช ปานกลาง
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังนั่ง และ ข้อความ

3.นางสาวบงกต เบ่งหาทรัพย์


เนื้อหาที่เรียน

เทคนิคการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีสำหรับการเป็นผู้บริหาร



ประเภทของบุคลิกภาพ
บุคลิกภาพภายนอก  คือ  สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนจากภายนอกของ
แต่ละคนสามารถที่จะปรับปรุงแก้ไขได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน แบ่งได้เป็น  4 หมวด คือ            
1.  รูปร่างหน้าตา
2.  การแต่งกาย            
3.  กิริยาท่าทาง            
4.  การพูด
บุคลิกภาพภายใน  คือ สิ่งที่อยู่ภายในจิตใจ หรืออุปนิสัยใจคอที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้  แก้ไขได้ยาก  เช่น  
1. ความเชื่อมั่นในตนเอง
2. ความกระตือรือร้น
3. ความรอบรู้
4. ความคิดริเริ่ม
5. ความจริงใจ
6. ไหวพริบปฏิภาณ
7. ความรับผิดชอบ
8. ความจำ
9. อารมณ์ขัน
สาเหตุที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพ คือความท้อถอย
บุคลิกภาพที่ไม่สร้างสรรค์และอยู่ภายในตัวตนแล้วทำให้ความเป็นคนๆ นั้นไม่สมบูรณ์ ได้แก่ความท้อถอยแม้ว่าเป็นประโยคสั้นๆ แต่ถ้าอาการนี้ถ้าเกิดขึ้นกับใครแล้ว อาการนี้จะเข้ามาทำลายความสมดุลในตัวเรา เข้ามาแทรกในความรู้สึกนึกคิดทำให้พลังและศักยภาพของเราลดน้อยลงกว่าครึ่ง ในเรื่องความท้อถอยมักเกิดขึ้นกับบุคคลที่อยู่ในช่วงอายุ 20-40 ปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลในช่วงอายุอื่นจะไม่มีความท้อ บางท่านอาจเกิดอาการท้อเป็นช่วงๆ บางท่านโชคดีไม่รู้จักความท้อ 
แนวทางและวิธีการในการแก้ไขอาการท้อถอย
1. ทุกสิ่งทุกอย่างต้องแก้ไขที่ตัวเราเองเท่านั้น 
2. อย่าเป็นคนตั้งความหวัง ความปรารถนาที่สูงสุดเอื้อม 
3. สร้างเจคติเรื่องงานใหม่ให้ท่านคิดว่า    
“งานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุขทำงานให้สนุกเป็นสุขเมื่อทำงาน”
4. มองหาจุดมุ่งหมายในชีวิตใหม่ 

หลักและวิธีเสริมสร้างบุคลิกภาพ
การยืน เดิน นั่งเป็นส่วนสำคัญที่บอกถึงบุคลิกภาพของแต่ละบุคคลอิริยาบถคือการเดิน ยืน นั่ง เปิด-ปิดประตู ขึ้นลงรถ อย่างถูกต้องสวยงาม  การรู้จักทำตัวให้เข้ากับบุคคล สถานที่ และเวลา อย่างถูกต้องถือว่ามีมารยาททางสังคมที่ดี เช่น การรู้จักกราบไหว้ที่ถูกวิธี และถูกกาลเทศะ การรู้จักธรรมเนียมของชาวต่างชาติ การปฏิบัติตนในงานเลี้ยงต่างๆการไปเยี่ยมคนป่วยการมอบดอกไม้แสดงความยินดีหรือให้ผู้อาวุโส เป็นต้น  บางครั้งเราอาจจะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ และอาจเกิดอะไรขึ้นกับเราได้ทุกวินาทีนั้น เราต้องพร้อมเสมอที่จะเผชิญกับเหตุการณ์ในลักษณะที่พร้อม คือไม่ตกใจ ดีใจ เสียใจ กลัว เกินกว่าเหตุ สามารถควบคุมท่าทางของตนเองได้เป็นอย่างดี

ประยุกต์ เพื่อเป็นแนวทางในการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีในอนาคต

ประเมินตนเอง ตั้งใจเรียนค่ะ
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจเรียนและตั้งใจนำเสนอคำคมค่ะ
ประมินอาจารย์ อ.มีบุคลิกภาพในการสอนที่ดีค่ะ





ครั้งที่9 วันที่14 มีนาคม 2561 เวลา 08.30-11.30 น.

สอบกลางภาควิชา การบริหารสถานศึกษาระดับปฐมวัย

ครั้งที่8 วันที่7มีนาคม 2561 เวลา 08.30-11.30 น.

นำเสนอคำคม

นางสาวกษมา แดงฤทธิ์
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

2.นางสาวยุคลธร ศรียะลา
ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ

3.นางสาวณัฐณิชา พุทธรักษา
ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ


นำเสนอวิจัย  

กลุ่มที่1  
งานวิจัย เรื่องการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา ในจังหวัดนครสวรรค์
การศึกษา ระดับปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัย  บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ผู้วิจัย พระสกล ฐานธมฺโม (อินทร์คล้าย)  ปีการศึกษา พุทธศักราช ๒๕๕๖

วัตถุประสงค์ของการวิจัย
๑ เพื่อศึกษากระบวนการ การบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
๒ เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูและผู้บริหารต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์โดยจําแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล
๓ เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
๑ ทําให้ได้ทราบถึงกระบวนการการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
๒ ทําให้ได้ทราบถึงความคิดเห็นต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์โดยจําแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล
๓ ทําให้ได้ทราบถึงปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
ขอบเขตของการศึกษาวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์เฉพาะผู้บริหารและครูผู้สอนในสถานศึกษาเขตอําเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์
ขอบเขตด้านเนื้อหา เนื้อหาของการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารและครูในสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์ทั้ง ๖ ด้านหลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า
ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย
ขอบเขตด้านระยะเวลา ระยะเวลาในการดําเนินการวิจัย ตั้งแต่ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงเดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมระยะเวลา ๗ เดือน


กลุ่มที่2
งานวิจัย เรื่อง รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน A Model of School Administrative Effectiveness for Master  School Development to ASEAN Community
การศึกษาระดับ  ปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต (การบริหารการศึกษา)
มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผู้วิจัย นายธีระวัฒน์ มอนไธสง
ปีการศึกษา พ.ศ. 2557

วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อศึกษาองค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
2. เพื่อศึกษารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
3. เพื่อตรวจสอบรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลที่ชัดเจนและเป็นไปได้
2. องค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียนที่สถานศึกษาอื่นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
ขอบเขตของการศึกษาวิจัย
การวิจัยครั้งนี้ มุ่งศึกษารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน จากการศึกษาค้นคว้าแนวคิด ทฤษฎี ตลอดจนเอกสาร และงานวิจัย
ต่าง ๆ ผู้วิจัยได้กำหนดขอบเขตเนื้อหา ดังนี้
1. นโยบายด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ประกอบด้วย (กระทรวงศึกษาธิการ, 2553)
1.1 นโยบายที่ 1 การเผยแพร่ความรู้ข้อมูลข่าวสาร และเจตคติที่ดีเกี่ยวกับอาเซียน
1.2 นโยบายที่ 2 การพัฒนาศักยภาพของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนให้มีทักษะที่เหมาะสม
1.3 นโยบายที่ 3 การพัฒนามาตรฐานการศึกษา
1.4 นโยบายที่ 4 การเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดเสรีการศึกษาในอาเซียน
1.5 นโยบายที่ 5 การพัฒนาเยาวชนเพื่อเป็นทรัพยากรสำคัญในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
2. องค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มี สรุปได้ 9 หัวข้อสำคัญได้แก่ 
ภาวะผู้นำ 
ความคาดหวังสูง 
การมีวิสัยทัศน์ และเป้าหมายที่ชัดเจน 
การพัฒนาหลักสูตรที่เน้นวิชาการ 
กระบวนการจัดการเรียนการสอน  
บรรยากาศสภาพแวดล้อมขององค์การที่เอื้อต่อการเรียนรู้ 
การนิเทศกำกับติดตามผล 
การมีส่วนร่วมของชุมชน/ผู้ปกครอง และ 
การพัฒนาวิชาชีพครู

กลุ่มที่3
งานวิจัย  การบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษา อำเภอ เลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี 
การศึกษาระดับ   ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวิทยาลัย  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ผู้วิจัย  พระสุธิศักดิ์ สุภกิจฺโจ (เขียวหวาน) 
ปีการศึกษา  2554

วัตถุประสงค์ของการวิจัย 
๑.๒.๑ เพื่อศึกษาการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาส      ทางการศึกษาอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
๑.๒.๒ เพื่อเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นต่อการบริหารการศึกษาตามหลัก
ธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
๑.๒.๓ เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลโรงเรียนขยาย
โอกาสทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
      ๑. ทำให้ทราบการบริหารการศึกษา ตามหลักธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี 
      ๒. ทำให้ทราบการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นต่อการบริหารการศึกษาตามหลัก ธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี 
      ๓.ทำให้ทราบการศึกษาแนวทางการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล โรงเรียน ขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอ เลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี

ขอบเขตของการศึกษาวิจัย
        ๑ ขอบเขตด้านเนื้อหา การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาเกี่ยวกับการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภบาล โรงเรียน ขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยระบบการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดหลักพื้นฐานการ บริหารตามหลักธรรมาภิบาล ๖ ประการ
         ๒ ขอบเขตด้านประชากร ประชากรที่ศึกษาได้แก่ ครูที่ทำหน้าที่สอนหนังสือโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน ๑๓ แห่ง ซึ่งมีครูจำนวน ๑๖๐ คน 
         ๓ ขอบเขตด้านพื้นที่ เป็นการศึกษาเฉพาะ โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ที่ตั้งอยู่ใน อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน ๑๓ โรงเรียน 

กลุ่มที่4
งานวิจัย เรื่อง  รูปแบบการบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มี ประสิทธิผลในจังหวัดนนทบุรี 
AN ADMINISTRATIVE MODEL FOR AN EFFECTIVE 
EARLY CHILDHOOD PRIVATE SCHOOL 
IN NONTHABURI PROVINCE
การศึกษาระดับ   ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัย      ศรีปทุม
ผู้วิจัย            นางเรขา ศรีวิชัย 
ปีการศึกษา         2554

วัตถุประสงค์ของการวิจัย 
1.  เพื่อศึกษาสภาพการบริหารงานของสถานศึกษาเอกชน  ระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผลใน จังหวัดนนทบุรี
2. เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารงานของสถานศึกษาเอกชน  ระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผล ในจังหวัดนนทบุรี

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.ได้รูปแบบการบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผล
2. สามารถนำผลการวิจัยมาใช้ในการพัฒนา / ปรังปรุงดำเนินงาน  สถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัย 

กลุ่มที่5
งานวิจัย  เรื่อง การบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียน ในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1 
การศึกษาระดับ ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ผู้วิจัย นางสาว ยุกตนันท์ หวานฉ่ำ
ปีการศึกษา 2555

วัตถุประสงค์ของการวิจัย 
1. เพื่อศึกษาระดับการบริหารสถานศึกษาของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1 
2. เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1 
3. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1 

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 
1.เป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา ในการนำไปใช้ในการวางแผนการจัดทำหลักสูตร การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของสถานศึกษาในอำเภอ คลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1
 2.เป็นแนวทางให้สถานศึกษาประชาชน ชุมชน และหน่วยงานต่างๆ ในอำเภอลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 ได้นำรูปแบบไปพิจารณาปรับปรุงบทบาท หน้าที่ ในการบริหารสถานศึกษา ให้มีความชัดเจนและมีความเหมาะสม

กลุ่มที่6
งานวิจัย เรื่อง การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
การศึกษาระดับ  ประถมศึกษา  
มหาวิทยาลัย  หาดใหญ่
ผู้วิจัย  ลดารัตน์  ศศิธร
ปีการศึกษา  2558

วัตถุประสงค์ของการวิจัย  
1.ศึกษาการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารการศึกษา ครูผู้สอนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
2.เปรียบเทียบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ตามความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำแนกตาม ตำแหน่ง ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในสถานศึกษาและลักษณะของโรงเรียน
3.ศึกษาความพึงพอใจ การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ตามความคิดเห็นของ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียน
4.รวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะ ในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียน

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.ด้านความรู้ 
   ทำให้ทราบความคิดเห็นของผู้บริหารการศึกษา  ครูผู้สอนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน  ต่อการบริหารการจัดการขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วมสังกัดสำนักงานเขตการศึกษาประถมศึกษากระบี่
   ทำให้ทราบถึงความพึงพอใจของ ผู้บริหารการศึกษา  ครูผู้สอนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน  ผู้ปกครองและนักเรียน ต่อการบริหารการจัดการขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วมสังกัดสำนักงานเขตการศึกษาประถมศึกษากระบี่
2.ด้านการนำไปใช้
   สามารถนำข้อมูลที่ได้เสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้แก้ไขปัญหาหรือเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาคุณภาพโรงเรียนที่ดำเนินงานจัดการเรียนร่วมสังกัดสำนักเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่

ประยุกต์ การศึกษาวิจัยในครั้งเพื่อเป็นความรู้ในการบริหารสถานศึกษาและเป้นความรู้เพื่อรู้การทำวิจัยในเบื้องต้น

ประเมินตนเอง ช่วยเพื่อนในการหาข้อมุลและนำเสนอวิจัย
ประเมินเพื่อน เพื่อนช่วยเหลือกันในการหาข้อมุลและตั้งใจนำเสนอวิจัย
ประเมินอาจารย์ อ.ตั้งใจฟังที่นักศึกษานำเสนอและให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมค่ะ









วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ครั้งที่7 วันที่28 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 0830.-11.30 น.



สอบกลางภาค

ครั้งที่6 วันที่21 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา08.30-11.30 น

นำเสนอคำคม

1.นางสาวภทรธร์ รัชนิพนธ์
ในภาพอาจจะมี ข้อความ

2.นางสาวปรีชญาชื่นแย้ม
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, แว่นกันแดด และ ข้อความ

3.นางสาวมาณิศา บุตรพรม


นำเสนอชื่อของแต่คนตามความหมายเกี่ยวกับผู้บริหาร  

1.นางสาวไพจิตร

2.นางสาวศิริพร
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

3.นางสาวกัลปพฤกษ์
ในภาพอาจจะมี ข้อความ

4.นางสาวปฐมพร

5.นางสาวจิราพร
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

6.นางสาววณิดา

7.นางสาวชลนิชา
ในภาพอาจจะมี ข้อความ

เนื้อหาที่เรียน

โครงสร้างขององค์กรและการจัดระบบบริหารงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย



การบริหารงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
การบริหารสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย มีลักษณะการบริหารเฉพาะตัว โดยที่ต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้

1. นโยบาย และยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศของรัฐบาล
2. แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ
3. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
4. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
5. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
6. ปรัชญา นโยบายและวัตถุประสงค์ของสถานศึกษา
7. ความต้องการของชุมชน
การจัดประเภท และรูปแบบสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในประเทศไทย
1. การจัดแบ่งตามโครงสร้างการบริหารตามขนาด แบ่งเป็น 3 ขนาด คือ
        1) โครงสร้างบริหารสถานศึกษาปฐมวัยขนาดเล็ก
2) โครงสร้างบริหารสถานศึกษาปฐมวัยขนาดกลาง
3) โครงสร้างบริหารสถานศึกษาปฐมวัยขนาดใหญ่
2. การแบ่งตามรูปแบบตามพระราชบัญญัติการศึกษาชาติ
(พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 )พ.ศ. 2545 กล่าวไว้ใน มาตรา 15กำหนดการจัดการศึกษา มี 3 รูปแบบ คือ)
1.รูปแบบในระบบโรงเรียน
2.รูปแบบนอกระบบโรงเรียน
3.รูปแบบตามอัธยาศัย
3. รูปแบบการให้บริการแบบใหม่
คือ การรวมเด็กที่ผิดปกติและเด็กปกติไว้ด้วยกัน โดยเรียกแบบนี้ว่า “Normalization”
หลักในการบริหารงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย

1. การบริหารงานวิชาการ   เป็นการบริหารกิจกรรมทุกชนิดในโรงเรียน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงพัฒนาการสอนผู้เรียนให้ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพที่สุด
2. การบริหารงานบุคคลในสถานศึกษาปฐมวัยคือ การปฏิบัติการใช้คนให้ทำงาน อย่างมีประสิทธิภาพโดยมีขบวนการต่าง ๆ

3. การบริหารงานธุรการและการเงินในสถานศึกษาปฐมวัย
- งานธุรการในสถานศึกษา
- งานการเงินในสถานศึกษาปฐมวัย
- งานสารบรรณในสถานศึกษาปฐมวัย
- งานทะเบียนและรายงาน
- งานรักษาความปลอดภัย
- งานการเงินและพัสดุ
- งานพัสดุ
4.
การบริหารงานกิจการนักเรียนในสถานศึกษาปฐมวัย  

คือ การดำเนินงาน เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมในโรงเรียนโดยนักเรียนสมัครใจร่วมกิจกรรมเพื่อพัฒนาตนเอง

5. การบริหารสภาพแวดล้อมในสถานศึกษาปฐมวัย
- การบริหารสภาพแวดล้อมทางกายภาพ
- การบริหารสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมและประสบการณ์

หลักการในการบริหารแบบโรงเรียนเป็นฐาน
หลักการกระจายอำนาจ (Decentralization)
• หลักการมีส่วนร่วม (Participation or Collaboration Involvement)
• หลักการคืนอำนาจจัดการศึกษาให้ประชาชน( Return Power to People)
• หลักการบริหารตนเอง (Self - managing)
• หลักการตรวจสอบและถ่วงดุล (Check and Balance)

การประยุต์
นำหลักการต่างๆมาเป็นแนวทางในการทำงานอนาคต

ประเมินตนเอง ตั้งใจเรียนค่ะแต่ก็มีบางครั้งที่ไม่ตั้งใจ
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจนำเสนอและตั้งฟังค่ะ
ประเมินอาจารย์ อาจารย์แต่งตัวสุภาพและมีบุคลิกภาพที่ดีค่ะ



ครั้งที่5 วันที่14 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 08.30-11.30 น.

นำเสนอคำคม

1.นางสาว สิริรัตน์ บัวแป้น


2.นางสาวพัชรภรณ์ บุญใจ


3.นางสาวสิริกัลยา บุญทนแสนทวีสุข

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

นำเสนอชื่อ ที่แยกเป็นความหมายของแต่ละตัวอัษรที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร

1.สิริกัลยา
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
2.พัชรภรณ์

3.ชื่นนภา
ในภาพอาจจะมี ข้อความ

4.พัชชา

5.สุรีย์พร
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

6.สิริรัตน์
ในภาพอาจจะมี ข้อความ

7.เกตุวรินทร์
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

8.พรประเสริฐ
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

9.มาณิศา
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

10.กษมา
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

11.ณัฐณิชา
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

12.ธิดารัตน์
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

13.ภัทรวรรณ
ในภาพอาจจะมี ข้อความ

14.ปรียานุช

15.ยุคลธร
ในภาพอาจจะมี ข้อความ

16.พิชญากาณจน์
ในภาพอาจจะมี ข้อความ
17.ภาวิดา
ในภาพอาจจะมี 1 คน

18.ธารารัตน์
ในภาพอาจจะมี ข้อความ

19.ปรีชญา
ในภาพอาจจะมี ข้อความ


ประเมินตนเอง สามารถนำเสนอชื่อของตนเองได้ และตั้งใจฟังเพื่อนที่นำเสนอ
ประเมินเพื่อน  เพื่นตั้งใจนำเสนอและตั้งใจฟังเพื่อนนำเสนอ
ประเมินอาจารย์ อาจารย์ยกชื่อของเพื่อนมาอธิบายเพิ่มเติม และ มีบุคลิกภาพที่ดีค่ะ